มาแว้ว สำหรับตอนแรก ขอเล่าตั้งแต่ออกเดินทางจากภูเก็ตเลยล่ะกันนะคะ
หนิงเริ่มเดินทางออกจากภูเก็ตเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 52 ตอนประมาณเกือบสี่ทุ่ม ไปถึงที่พักของเพื่อนที่อ่อนนุช ก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน รุ่งเช้าอีกวันหนิงกับ 9mot ก็ยังง้วนกับการซื้ออุปกรณ์กันหนาวกันอยู่ เพราะพี่ตะวันได้โทรมาแจ้งว่า อุณหภูมิทางโน้นบางวันติดลบ 2 กลางวันก็ไม่ถึง 10 องศา ทำเอาหนิงวิตกกังวลอย่างรุนแรงเพราะปกติหนิงไม่ค่อยชอบอากาศหนาวเท่าไหร่ ก็ได้ที่ปิดหูกับถุงเท้าแล้วก็ลองจอห์นอีก 2 ชุด เพราะที่ตระเตรียมมาจากภูเก็ตก็ได้หยิบยืมมาค่อนข้างพร้อมแล้ว ประมาณบ่ายสามครึ่งเราก็เดินทางออกจากคอนโดไปที่สุวรรณภูมิ เพื่อไปยังจุดนัดพบกับคณะ (พี่ ๆ ที่ยังไม่เคยเห็นหน้าเห็นตากันมาก่อน ตื่นเต้นจัง) ไปถึงไม่นานเราก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่ ๆ เพื่อนัดเจอกัน ได้เจอกันครบทั้งคณะแล้ว ก็ทำการเช็คอินของสายการบิน Emirates เจอปัญหานิดหน่อย พวกเราได้เข้าไปแบบ group check in แต่แปลกตรงที่น้ำหนักกระเป๋าเขาให้ต่อคน ซึ่งเราก็ต้องประสบปัญหาเนื่องจาก 9mot เป็นผู้ดูแลกระเป๋าเสบียงซึ่งน้ำหนักปาไป 25 kg ในขณะที่เขาให้น้ำหนักต่อคนเพียง 20 kg เท่านั้น พวกเราก็ต้องไปต่อรองกับพนักงานนิดหน่อยให้หมู่มากเข้าว่า อุ๊ย! ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เพียงแต่สอบถามนิดหน่อยว่าเรามาเป็นคณะ จองตั๋วก็จองเป็นคณะ วีซ่าก็ทำมาแบบเป็นคณะ ทำให้น้ำหนักกระเป๋าให้พวกเราเป็นคณะไม่ได้ สุดท้ายก็ยินยอมแต่โดยดีค่ะ
หลังจาก check in พวกเรายังมีเวลาอีกพอสมควร ก็ทำการเดินตรวจตราที่ duty free แต่ไม่ได้ของอะไร เพียงแค่ฆ่าเวลาก่อนขึ้นเครื่องเท่านั้น จากนั้นพวกเราก็ขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปยังสนามบิน sydney ซึ่งใช้เวลาประมาณแปดชั่วโมงเศษ ช่วงเวลานั้น หนิงเองก็ได้พบกับความประทับใจของสายการบิน Emirates หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ที่ปรับได้พอควร และความกว้างซึ่งไม่ได้กว้างมากแต่เท่าที่สังเกตุก็กว้างกว่าสายการบินอื่น แถมยังมีจอส่วนตัวให้เราได้เล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง หรือดูสถานการณ์ของเส้นทางไว้แก้เซ็ง อีกต่างหาก นอกจากนั้นยังมีอาหารอร่อย ๆ เสิร์ฟอีกด้วยล่ะ (ชอบมาก ๆ เลย อิอิ)
เมื่อเดินทางมาถึงสนามบิน sydney อากาศก็โปร่งใสดี ได้แต่หวังว่าที่ NZ น่าจะอากาศดีแบบนี้เหมือนกัน (คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน เผื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเห็นใจ 555) พวกเราก็เดินไปดูโน้นดูนี่แก้เซ็ง และก็แวะไปใช้ Internet ฟรี เพื่อส่ง e-mail ไปยั่วน้ำลายเพื่อนๆ ที่ office เล่น ๆ ไม่น่าก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง ซึ่งก็นั่งต่อไปอีกประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ถึงสนามบิน Christchurch ซึ่งเราก็ต้องมาลุ้นกับการผ่านด่านตรวจอีก เพราะถูกขู่มาว่าเข้มงวดมาก มันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขามีทีมตรวจเช็คที่น่ารักมาก ๆ เลยล่ะ ก็มีเจ้าหน้าตัวน้อย ๆ มาคอยดมกลิ่นตามกระเป๋าที่โหลดจากเครื่อง พอหมาเข้าไปดม ๆ ใบไหนผิดปกติเจ้าหน้าที่ก็จะยกออกมาแยกไว้ต่างหาก และเอาสติ๊กเกอร์แปะไว้ พร้อมกับให้รางวัลเจ้าตูบด้วย มันทำหน้าที่ของมันได้ดีทีเดียวล่ะ น่ารักมาก ๆ
ในที่สุดพวกเราก็สามารถนำข้าวของสัมภาระต่าง ๆ ที่หอบหิ้วไปจากเมืองไทยผ่านด่านออกมาได้โดยไม่ต้องเสียทรัพย์สินเลย อันนี้ก็ต้องยกผลประโยชน์ให้ 9mot นิดนึง เพราะเขาทำหน้าที่ในการ declare กระเป๋าเสบียง ลุ้นกันแทบแย่ ไม่อดตายแล้วล่ะ 555
ออกจากประตูมา คาดว่าพี่ตะวันจะต้องมารับพวกเราแล้ว แต่กลับเป็นว่าพวกเราไม่เจอ นั่งรอยืนรอ เดินรอกันพักใหญ่ ๆ จนเริ่มชักจะกระวนกระวายกันเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดก็เจอกัน ปรากฎว่าพี่ตะวันไปรับรถมาให้พวกเราเรียบร้อยแบบพร้อมเดินทางต่อเลย
การท่องเที่ยงของพวกเราเริ่มคิดแล้ว แต่ยังไม่ทันไรพวกเราก็ไม่สามารถผ่านประตูอัตโนมัติของสนามบินได้ ระบบเขาดีจริง ๆ ค่ะ เพราะพวกเราจะต้องไปจ่ายเงินค่าจอดรถกันก่อน จึงจะผ่านออกมาได้ จากนั้นพวกเราก็เดินทางมายังโรงแรม Bush Inn Count Motel สำหรับหนิงเองอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับรูปแบบนักกับรูปแบบของ Motel แต่ขอบอกว่าสะดวกสบายมา พวกเราพักกันทั้งหมด 3 ห้อง ห้องของเรานอนกันทั้งหมด 5 คน สำหรับที่นอนในห้องจะมีผ้าห่มไฟฟ้าให้ แต่สำหรับด้านนอกที่เป็นห้องโถงจะมีเครื่องทำความร้อนให้ ทำเอาหนิงโล่งใจไปเยอะ เพราะตอนแรกยังไม่แน่ใจว่ามา 10 วันจะได้อาบน้ำสักกี่วัน แต่ถ้าเป็นแบบนี้ อาบวันละ 2 รอบก็ยังไหว อิอิ
นี่เป็นรูปของ Motel ที่พวกเราไปพักกันค่ะ
นี่ก็เป็นรูปภายในห้องนอนค่ะ อีกห้องเป็นเตียงเดี่ยง 2 เตียงค่ะ
มาแล้วขอถ่ายกับป้ายซะหน่อย อิอิ
หลังจากที่เราเก็บสัมภาระ เข้าห้องน้ำ และเอกเขนกกันนิดหน่อย พวกเราก็รวมตัวกันเดินทางไปทานอาหารมื้อค่ำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Motel นัก ไม่แน่ใจว่าหิวกันด้วยอ่ะป่าว แต่รู้สึกว่าอาหารอร่อยมาก ๆ แต่คงจะอร่อยจริง ๆ แหละเพราะช่วงเวลาที่พวกเรานั่งอยู่ในร้าน จะมีลูกค้าเต็มเกือบตลอด
บรรยากาศภายในร้านค่ะ
จากนั้นพวกเราก็ไปซื้ออาหารสด เพื่อไปเตรียมอาหารเช้าและเที่ยงของวันพรุ่งนี้ สำหรับคืนแรก พี่ ๆ เขาก็ชวนให้น้องหนิงกับน้องมดมาลองลิ้มรส wine NZ ซะแล้ว ปกติไม่ค่อยนิยมแอลกอฮอล์เท่าไหร่ แต่งานนี้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ลองกันซักตั้ง อิอิ หลับสบายเลยล่
nice.
Wine really helped you sleep better. 55
อิจฉา มหาศาล !!
: )
สุโค่ยค้าบ … ตอนนั่งเครื่องไป USA นั้น เพอร์เซอร์ของการบินไทยก็ยกบรั่นดีมาให้จิบเช่นกัน ด้วยเหตุผลว่าจะได้หลับยาวๆ อิอิ 😀
อ๋อ! เขากลัวคุณ udom จะไปป่วนล่ะซิ อิอิ หลับ ๆ ไปซะ 5555
อ่า … เราเป็นตัวป่วนเหรอเนี่ย ฮือ ๆ ๆ T_T