หนิงเคยตั้งใจมานาน และหลายครั้งแล้วว่าจะหาโอกาสไปปฏิบัติธรรมกะเค้าบ้าง ในที่สุดความตั้งใจก็เป็นจริงซักที เมื่อเนตรเพื่อนสนิทมาชวนไปปฏบัติธรรม “แนวเคลื่อนไหว” ที่แหลมประการัง โรงแรม Apsara จริง ๆ เนตรชวนตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่สงสัยเวลาของการเข้าธรรมะยังมาไม่ถึง อิอิ เลยปฏิเสธไป แต่ปีนี้ตั้งใจมากพอโอกาสมาปุ๊บ ตอบรับทันที เพราะดูแล้วน่าจะเป็นแนวที่ตัวหนิงเองน่าจะพอฝึกได้ เพราะการฝึกปฏิบัติตัวเองเกี่ยวกับธรรมะในแต่ละที่ก็แตกต่างกันไป หนิงรู้ตัวเองดีว่า หากต้องไปปฏิบัติแบบนั่งหลับตา ท่องพุทโธ หรือดูลมหายใจเฉย ๆ หนิงคงจะหลับ สติหลุดอย่างแน่นอน หัวข้อในครั้งนี้คือ “การเจริญสติแนวเคลื่อนไหว” (ของหลวงพ่อเทียน ส่วนพระอาจารย์ที่มาสั่งสอนคือพระอาจารย์ทรงศิลป์ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อคำเขียน รวมไปถึงพระอาจารย์ผู้ช่วยอีก 2 รูปคือ พระอาจารย์แจ๊ก และพระอาจารย์ใจ) หนิงว่าน่าจะพอไปไหวนะ และเผลอ ๆ อาจจะเอามาประยุกต์ใช้กับการฝึกโยคะได้อีกอ่ะ

ครั้งนี้ไปปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 17-21 ส.ค. จริง ๆ แล้วเขาเริ่มกันตั้งแต่บ่ายโมง แต่เนื่องจากพวกเราไม่ได้ตารางทำให้เข้าใจว่าเหมือนกับปีที่แล้วคือเริ่มประมาณ 4-5 โมงเย็น ก็เลยออกจากภูเก็ตก็บ่ายโมงกว่าแล้ว แถมยังแอบแวะโน้นนี่ สบาย ๆ อีก คริคริ ปรากฎว่าถึงตามเวลาที่ตั้งไว้คือสี่โมงเย็นพอดิบพอดี ทำให้พวกเรา 3 คน (มีน้องของเนตรร่วมทางด้วยอีกคนอ่ะ) ไปไม่ทันรับศิล 8 และสอนการเคลื่อนไหว 14 จังหวะ แต่จากที่พวกเราตั้งใจไว้ว่าจะปฏิบัติให้เต็มที่ ทำให้พวกเราไม่เสียความตั้งใจ แม้ว่าไม่ได้รับศิล 8 แต่พวกเราก็พร้อมปฏิบัติ ไปถึงก็ปิดโทรศัพท์ เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดที่เอาติดตัวไป โดยไม่ได้คิดที่นอกลู่นอกทางเลย

พวกเราต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 นอนประมาณสามทุ่มกว่า ทุกวัน โดยตี 5 ต้องทำวัตรเช้า ฟังธรรม และฝึกปฏิบัติ พักประมาณ 8 โมง เพื่อทานอาหารเช้า พอ 9 โมงก็มาปฏิบัติกันต่อจนประมาณ 11 โมงครึ่ง ก็ทานอาหารเที่ยง ซึ่งทุกครั้งที่ทานอาหารจะต้องปิดวาจาด้วย แต่อย่างว่าอ่ะนะ เรื่องนี้อาจจะห้ามกันยากหน่อยก็มีหลุด ๆ กันบ้างตามประสา พอบ่ายโมง พวกเราก็ต้องไปฝึกกันต่อจนถึงห้าโมง บางวันก็สี่โมงครึ่งหากพระอาจารย์ให้ไปเดินจงกรมที่ชายหาด ให้พักชั่วโมงนึงฝึกและทำวัตรเย็นพร้อมกับฟังธรรมจนถึงเกือบสามทุ่ม ก็แยกย้ายกันกลับห้อง เป็นอย่างนี้ 4 วันเต็ม

สำหรับประสบการณ์ครั้งแรกนี้บอกได้เลยว่า หนิงตั้งใจสุด ๆ ตั้งใจจะปฏิบัติให้เต็มที่ ไม่ได้วาดฝันว่าจะได้อะไร ไม่ได้คิดว่าจะทำได้แค่ไหน แค่ทำให้ดีที่สุดที่เราพึงทำได้เป็นพอ หนิงว่าครั้งนี้ แม้ว่าหนิงอาจจะไม่ได้ค้นพบอะไรจากการฝึก แต่สิ่งที่หนิงรับรู้ได้คือ หนิงมีความสุขที่ได้มาปฏิบัติและหนิงได้อะไรดี ๆ ให้มาคิดต่อ และเข้าใจเรื่องของ “ธรรมชาติ” มากขึ้น แค่นี้ก็มากพอแล้ว แต่หนิงยังคงต้องศึกษาและปฏิบัติเพื่อให้รู้มากขึ้น และเพื่อให้จิตใจเข้มแข็งขึ้น

ไว้มาเล่าต่อเรื่องถัดไปนะคะ ยังมีต่ออีกเยอะค่ะ กับประสบการณ์มัน ๆ ในครั้งนี้ วันนี้ขอแค่เบา ๆ ไปก่อนนะคะ อิอิ