หนิงเคยกล่าวถึงคำว่า “อยู่อย่างสง่า ตายอย่างสงบ” ใน About my blog ไว้ วันนี้หนิงเลยมาขออธิบายว่า ทำไมถึงคิดแบบนั้น คิดแล้วทำยังไงด้วยเจ้าค่ะ (อุ้ย พอดีช่วงนี้ทางสุโข สปา กำลังรณรงค์เรื่องของวัฒนธรรมไทย ก็เลยติดใช้คำว่าเจ้าค่ะมาด้วย)
ว่าแล้วเราก็มาดูกันนะเจ้าค่ะ การ “อยู่อย่างสง่า” ก็คือ การที่เราอยู่แบบที่มีสุขภาพกายและจิตที่แข็งแรง สมบูรณ์ ไม่อมทุกข์อมโรคนั่นเองค่ะ ส่วน “ตายอย่างสงบ” ก็คือ คนเราทุกคนต้องตายกันทั้งนั้น (คงไม่มีใครเถียงนะเจ้าค่ะ) แต่ก่อนตายต่างหากที่แตกต่างกัน ว่าใครจะทรมานก่อนตาย หรือตายแบบสงบ เรามาดูกันต่อนะคะเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติเพื่อให้ “อยู่อย่างสง่า ตายอย่างสงบ” เขาทำกันเยี่ยงไรเจ้าค่ะ
อันดับแรก ต้องมีสุขภาพกายที่แข็งแรง สมบูรณ์
- การทานอาหาร ควรทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ หลีกเลี่ยงสารเคมีต่าง ๆ ในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าแมลง สารแต่งรส แต่งกลิ่น หรือแม้แต่สารกันบูด ควรทานอาหารให้ครบหลัก 5 หมู่ ต้องเป็นอาหารที่สด เพื่อให้มีความครบถ้วนของสารอาหาร และต้องสะอาด อีกอย่างนะคะจะต้องทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ
- การออกกำลังกาย เราควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ถ้าเป็นไปได้ออกกำลังกายทุกวันก็จะดีมากค่ะ เราต้องยอมเสียสละเวลากันหน่อยนะคะเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงเจ้าค่ะ
- การพักผ่อนนอนหลับ ทุกวันควรหลับให้สนิท วันละ 6-8 ชั่วโมง คือไม่ควรนอนน้อยกว่านี้หรือมากกว่านี้นะคะ เพราะนอนน้อยกว่านี้เราก็รู้สึกเหมือนยังเพลีย ๆ อยู่ ส่วนถ้านอนมากเกินไปก็อาจจะทำให้รู้สึกขี้เกียจ หรือซึม ๆ บ้าง
- การดื่มน้ำ เราต้องดื่มน้ำวันละไม่น้อยกว่า 8 แก้วต่อวัน ควรเป็นน้ำที่สะอาด ไม่มีรส ไม่มีกลิ่น สีใส ไม่มีตะกอน
- ไม่สูบบุหรี่
- ไม่ดื่มเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ (สำหรับชา กาแฟ อาจจะดื่มได้บ้าง แต่ทางที่ดีไม่ควรเกินวันละ 1 แก้วนะคะ)
- ต้องขับถ่ายทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ครั้งในตอนเช้า
ดูแลสุขภาพจิตให้ดี
- สวดมนต์ทุกวันก่อนนอน
- นั่งสมาธิบ้าง เพื่อให้เกิดสติ และปัญญา เป็นคนอารมณ์เย็น สุขุม สมองก็จะปลอดโปร่ง
- ปรับมุมมองตัวเอง ให้คิดบวก เพราะการที่เราคิดแต่เรื่องดี ๆ เราเองจะไม่เป็นทุกข์ เลยมีคำกล่าวที่ว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” ก็เพราะหากเราไม่สบายใจ เราเครียด อาการทางกายก็จะตามมายังไงล่ะคะ
มีการดำเนินชีวิตที่ดี
- ถือศีล 5
- เลือกอาชีพที่สุจริต แต่ทั้งนี้ก็ควรเป็นอาชีพที่เราเองถนัด และชอบ เพราะจะทำให้เรามีความสุขกับการทำงาน
- เลือกอยู่ในสังคมที่ดี
เป็นยังไงบ้างค่ะ ไม่ใช่ยากเลยกับการที่เราจะเอาสิ่งเหล่านี้ไปปฏิบัติ ถ้าเทียบกับการที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการเจ็บไข้ได้ป่วย ต้องไม่เสียเงินรักษา มันดีกว่ากันเยอะ เพราะทุก ๆ วันของเราก็จะมีความสุขไปด้วยนะเจ้าค่ะ
Yes,indeed…ค่ะ
เหอ ๆ ๆ ตอนนี้ที่ผมยังทำไม่ได้สม่ำเสมอก็คือ ออกกำลังกาย กับ ดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม นี่ล่ะครับ ส่วนมากจะเป็นกาแฟ ทีดื่มเกินวันละ 2 แก้วตลอด
ขอบคุณครูหนิงนะครับ สำหรับข้อคิดดีๆ
I like to title. it’s clear, song good, and explain everything that you wrote.
เห็นด้วยทุกประการค่ะ แต่ว่ายังน้ำอัดลมไม่ได้เลยอ่ะ
เป็นคอนเซ็ปที่ดีมากเลยครับ น่าทำตามมาก
ผมเพิ่งเขียนเรื่อง มะเร็ง กับ วิกฤตอาหารโลก(ร้อน) เหมือนกัน … แต่ที่นี่อ่านง่าย อ่านสนุกกว่าเยอะเลย
555
: )
ทำอยู่หลายข้อครับ มีแววว่าจะอยู่อย่างสง่าได้สักวัน และหวังว่าจะตายอย่างสงบได้ในที่สุด ขอบคุณความคิด ความรู้ดีๆครับ
คิดไม๊ค่ะว่าการตายอาจไม่ใช่จุดสิ้นสุด..มันอาจจะเป็นการเริ่มต้นที่ไหนสักแห่ง เหมือนเมื่อครั้งเราอยู่ในท้องแม่เป็นที่อยู่ของเรา…และเราคลอดออกมา เป็นที่อยู่ที่สอง…และเมื่อเราตาย..ไปอยู่ที่สุดท้าย../พูดให้กลัวซะงั้น
โอ๊ะโอ คุณภาวนาค่ะ ล้ำลึกจังเลยค่ะ หนิงอาจจะยังคิดไม่ถึงจริง ๆ ค่ะ ขอบคุณนะคะที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม
หัวข้อมี่พลัง มีคุณค่ามากนะคับ ดูเป็นเป้าหมายชีวิตที่น่าจะไปให้ถึง แม้จะเป็นเรื่องยากสำหรับคนส่วนใหญ่ อย่างน้อยผมคนนึงละที่อยากอยู่อย่างสง่า และก่อนตายขอให้สงบได้เรื่อย ๆ ไว้ก่อน แต่ทำยากมาก พยายามอยู่เสมอ แต่ก็แพ้อยู่ตลอด แพ้ต่อนอำนาจฝ่ายต่ำ ทำให้ไม่มีอิสรภาพที่แท้จริง ดูเป็นทางคับแคบที่เดินสู่เป้าหมายได้ค่อนข้างยากถึงยากมาก แต่ก็พยายามอยู่คับ ใครมีวิธีดี ๆ ช่วยแนะนำด้วยคับ
ขอแสดงความเห็นต่อเนื่องนะคับ เผื่อคุณหนิง/คนอื่น ๆ ได้มีคอมเม้นท์ทีเดียวไปเลย ชีวิตมีเรื่องอะไรที่น่าสนใจอีกเยอะ บางเรืองเราเชื่อว่าเราพอจะคาดเดาได้ และน่าจะแม่นยำด้วย อย่างเช่นเราเชื่อมั่นว่าทุกชีวิตล้วนต้องโทษประหารจากพญามัจจุราช คือ ต้องตายจากโลกนี้ไปแน่ ๆ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะประสบการณ์ที่เราพบเห็นมันบอกอย่างงั้น คนและสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเมื่อเกิดมาแล้วได้ทยอยตายไปไม่มีเหลือ เรารู้ว่าเราจะต้องตายแน่เช่นเดียวกับที่เราเชื่อและมั่นใจว่าพรุ่งนี้ดวงอาทิตย์จะต้องขึ้นทางทิศตะวันออก ทั้ง ๆ ที่พรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง แต่เราก็เชื่อมั่นอย่างนั้น เห็นคนอื่นตายจากไปเราก็เสียใจเพราะไม่มีโอกาสได้กลับมาเจอกันแบบเดิม ๆ อีกแล้ว โดยเฉพาะญาติพี่น้องและคนใกล้ชิดเรายิ่งเสียใจมาก แต่เมื่อมานึกว่าเราเองก็ต้องตายแน่นอนก็รู้สึกหวั่นไหวอยู่ลึก ๆ เพราะสิ่งที่เราไม่รู้คือ ก่อนเกิดมาจากไหน ทำไมต้องมีชีวิต มีอารมณ์ความรู้สึก และตายแล้วจะไปไหน เป็นอย่างไร มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเรา ๆ คาดเดายากจริง ๆ ใครมีญาณหยั่งรู้ช่วยบอกด้วย เพ่ราะชีวิตมันสั้นจะได้เตรียมตัวได้ถูก (ขอโทษที่เป็นคนแก่เพ้อเจ้อใส่ความเห็นในบล็อคยาวไปหน่อย คงไม่ผิดไปจากวัตถุประสงค์ในหัวข้อที่ยกขึ้นมานะคับ)