ยังค้างคา อิอิ ตั้งใจเขียน 3 เรื่องจากการไปปฏิบัติธรรมที่โรงแรมอัปสารา แต่เพิ่งเขียนไปเรื่องเดียว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สอง ลองติดตามกันดูนะคะ

การเดินจงกรม ของหลวงพ่อเทียน ก็แตกต่างจากแนวอื่น ๆ ที่หนิงเคยปฏิบัติมาค่ะ แต่หนิงก็เชื่อนะคะว่าไม่ว่าจะเป็นแนวไหน ขออย่างเดียวขอให้ปฏิบัติ ยังไงก็ได้รับประโยชน์อย่างแน่นอนค่ะ สำหรับการเดินจงกรมของหลวงปู่เทียนง่ายมาก ๆ ค่ะ ก็แค่เดินไปเรื่อย ๆ ตามสบาย มีข้อห้ามแค่ห้ามแกว่งมือเท่านั้นเองค่ะ โดยกำหนดให้เอามือประสานกันด้านหน้า หรือหลัง หรือกอดอกค่ะ ข้อสำคัญคือ ต้องปฏิบัติ “มหาสติปัฎฐาน คือ ใจมีสติอยู่กับกาย ผลลัพธ์เท่ากับปกติ (ศิล)”  สำหรับการเดินแรกๆ จะกำหนดการเดินเพียง 11 ก้าวเท่านั้น หนิงว่าดีนะคะ เพราะช่วงต้นของการเดิน เราจะเห็นได้เร็วเลยว่า อุ๊ย! ลอยไปแล้ว 5555 ขนาดกำหนดหัวท้ายไว้ แต่ที่ไหนได้เดินเลยไปซะงั้น

หนิงเคยฝึกเดินจงกรมมาหลายแบบนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการดูทุกจังหวะการย่างก้าว (ยกหนอ ก้าวหนอ วางหนอ) หรือการเดินโดยกำหนดจุดไว้ที่อวัยวะ เช่น ที่หน้าผาก, ปลายจมูก, หัวใจ เป็นต้น ภาพรวมหนิงว่าดีหมด ที่เหลืออยู่ที่การฝึก

สำหรับการฝึกเดินของหลวงพ่อเทียน เราสามารถมองอะไรก็ได้ เดินเร็วหรือช้าก็ได้ (ถ้าง่วงก็เดินเร็ว ๆ ถ้าไม่ง่วงก็เดินให้ช้าลง) แต่ช่วงต้นไม่ควรจะเดินช้าเกินไป เพราะจะทำให้เราเกิดสมาธิขึ้นได้ ยอมรับความจริงค่ะ จริง ๆ แล้วหนิงได้ถามกับพระอาจารย์ไปสำหรับการเกิดสมาธิว่าเกิดแล้วไม่ดีเหรอค่ะ แต่สงสัยสติไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไหร่จะไม่ได้จนต้องโทรไปถามเพื่อนเนตรว่า จำได้ป่าวว่าพระอาจารย์ตอบว่าอย่างไร เนตรบอกมาดังนี้ค่ะ

ในการฝึกของหลวงพ่อเทียน จะเป็นรูปแบบที่ต้องการให้เราเห็นความคิดของตัวเอง แล้วพยายามเอาสติมาอยู่กับกายให้ได้ หากเรามีสมาธิเกิดขึ้น ซึ่งจะอยู่ในภาวะนิ่งจะทำให้เราตามดูจิตไม่ได้ เพราะจิตอาจจะไม่ค่อยเคลื่อนไหว

น่าจะประมาณนี้นะคะ ถ้ามีสิ่งใดผิดพลาดก็ ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย และหากมีผู้รู้ท่านใดทราบหรือเห็นแตกต่าง รบกวนช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะคะ

วันแรก ๆ พระอาจารย์ก็ไม่ได้กำหนดเรื่องเวลาที่ใช้ในการฝึกเดินมากนัก คือ ให้เราเลือกฝึกสลับเอา ระหว่างเดินจงกรม กับการเคลื่อนไหว 14 จังหวะ แต่พอวันหลัง ๆ พระอาจารย์บอกให้เดินจงกรมอย่างเดียว 2 ชั่วโมง โดยห้ามหยุดให้เดินต่อเนื่องไปเลย แล้วให้สังเกตุตัวเองทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ละคนคงจะเห็นอะไร เจออะไรที่แตกต่างกัน แต่ภาพรวม ครึ่งชั่วโมงแรกก็ชิว ๆ อ่ะนะ ครึ่งชั่วโมงที่สองก็ยังพอทนแต่อาจจะเริ่มมีอาการล้าบ้าง พอเริ่มครึ่งชั่วโมงที่สามบางคนอาจจะไม่ค่อยไหวแล้ว พอถึงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายน่าจะวิตกมากขึ้นว่าเมื่อไหร่จะครบซักที่ 5555 ไม่ว่าเป็นใครก็คงจะลุ้นเหมือนกันหมดอ่ะนะ ก็จังหวะนั้น เดินเร็วก็แล้ว ช้าก็แล้ว ดูนาฬิกาดูแล้วดูอีก ก็อีกนานอยู่ดี แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าเดินจนครบ 2 ชั่วโมงจนได้  โดยที่ไม่ดื่มน้ำ ไม่เข้าห้องน้ำ เวลาที่เดินมาดูนาฬิกาก็พยายามย้ำเท้าเพื่อให้รู้ตัวว่าเดินอยู่ตลอด ซึ่งปกติวันก่อน ๆ หน้าไม่เคยทำได้เลย เวลาพระอาจารย์บอกให้แยกย้ายกันไปปฏิบัติ เวลาง่วงจัด ๆ ก็ดื่มน้ำบ้าง เข้าห้องน้ำบ้าง มีครั้งนึงอาการหนักมาก ถึงขั้นนั่งสัพหงกในห้องน้ำเลยทีเดียว 5555 เอาความลับมาเปิดเผยอีกแล้วเรา คริคริ