เชื่อไม๊ค่ะ ว่าการฝึกโยคะอุปสรรคเยอะแยะมากมายเลยทีเดียว เลยทำให้ใครหลาย ๆ คนยังพลาดกับการฝึกโยคะกันอยู่ ซึ่งหนิงเชื่อว่ามีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวนะคะ อิอิ จากประสบการณ์ที่เจอคำถามจากผู้ที่สนใจหรือแม้กระทั่งไม่ได้สนใจแแต่คิดไว้แล้วว่าเขามีอุปสรรคโน้น นี่ นั่น ตามเรื่องตามราว ….

DSC_4317

มาดูกันนะคะ ว่า 7 อย่างที่เป็นอุปสรรคในการฝึกโยคะมีอะไรกันบ้าง

  1. อายุ แน่นอนค่ะ อายุที่แตกต่างกัน ย่อมส่งผลกับการฝึกบ้าง แต่เชื่อไม๊ค่ะว่าจริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคหนักหนาอะไรเลย แค่ยอมรับกับร่างกายตัวเอง แล้วก็ปรับกันไป ฝึกเท่าที่ร่างกายเราทำได้คงจบนะคะ หนิงเองก็เริ่มฝึกแบบจริง ๆ ตอนอายุ 34 ปีไปแล้วค่ะ แต่มาตอนนี้เห็นบางคนเริ่มตอนห้าสิบกว่าก็ยังมีเลย ทำให้ที่เคยคิดว่าเราเริ่มช้ามันไม่ใช่ละ เราก็ยังเริ่มเร็วกว่าอีกหลาย ๆ คนเลยนะ ว่าแล้วเริ่มกัน ๆ นะคะ
  2. เพศ นี่ก็อีกเรื่องค่ะ เรามักเชื่อว่า ผู้ชายแข็งแรง ผู้หญิงอ่อนตัวดี แต่เชื่อไม๊ค่ะกับประสบการณ์ที่สอนมาหลายปี มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยค่ะ ผู้ชายที่ตัวอ่อนกว่าผู้หญิงเยอะมาก และผู้หญิงที่คิดว่าตัวจะอ่อนแต่แข็งโป๊กยิ่งเยอะมากกว่าอีก เพราะผู้หญิงมาเข้าคลาสมากกว่าผู้ชายไง คริคริ ดังนั้น หนิงมองว่าเรื่องเพศไม่ได้เป็นอุปสรรคอีกเช่นกัน ขอแค่เข้ามา จริง ๆ นะคะ หนิงเองก็เป็นแบบนั้นนะคะ หนิงตัวแข็งมา ถ้าเทียบกับคุณสามีแล้ว จุดเริ่มต้นของสรีระเราต่างกันมากค่ะ แต่เขาก็ยังคิดว่าเขาตัวแข็งกว่าหนิงอยู่ เอาเป็นว่าปล่อยให้คิดไปละกัน เพราะอย่างน้อยเขาก็ฝึกแล้ว คริคริ
  3. น้ำหนัก หลายคนคิดว่าจะฝึกโยคะได้ไงตัวหนักขนาดนี้ อ้วนมาก บอกเลยว่า คนที่ถูกมองว่าอ้วน หรือคิดว่าตัวเองอ้วนบางคนสามารถฝึกโยคะท่าที่คนตัวผอม ๆ ร่างบาง ๆ บางทำทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่แน่นอนค่ะ ย่อมมีบางท่าที่คนอ้วนก็ควรจะต้องดูเช่นกันว่าเราสามารถฝึกได้หรือเปล่า แต่ไม่ได้บอกว่าฝึกโยคะไม่ได้นะคะ
  4. เวลา ก็เหมือนจะเข้าใจนะคะว่าคำว่า “ไม่มีเวลา” มันเป็นยังไง แต่เชื่อไม๊ค่ะว่า มนุษย์เราเนี่ย อัศจรรย์มากค่ะ ถ้าเราเห็นคุณค่ากับสิ่งไหนแล้ว เราจะสามารถจัดการมันได้เองค่ะ เพียงแค่เรายังมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าและยังจัดการไม่ได้ เช่น ต้องส่งลูกเรียนพิเศษ ซึ่งจริง ๆ อ่ะนะความรับผิดชอบผู้เป็นแม่มันปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ แต่บางคนก็อัจฉริยะนะคะ ฝากเพื่อนผลัดกันไปรับไปส่ง สลับกับคุณสามีบ้าง มันก็เข้าสู่จุดสมดุลได้ อันนี้แค่ยกตัวอย่างนะคะ ไม่ได้เป็นข้อชี้แนะว่าต้องทำแบบนี้นะคะ อิอิ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด แต่หากวันนึงเรารู้สึกว่าเราต้องการมันมาก ๆ เราก็จะสามารถหาคำว่า “เวลา” ได้เอง อย่ารอให้ “มีเวลา” แต่ตอนนั้นเราไม่สามารถทำอะไรได้แล้วนะคะ
  5. ระยะทาง คำว่า “ใกล้” “ไกล” แต่ละคนมันแตกต่างกันค่ะ ก็คงเหมือนกับข้อก่อนหน้านั่นแหละค่ะ เท่าที่หนิงเคยทราบมา มีนักเรียนคนนึงที่เชียงใหม่ บ้านไกลมาก เดินทางเพื่อมาฝึกโยคะขาละชั่วโมงครึ่ง แถมหอบลูกมาด้วยอีกต่างหาก ซึ่งก็เข้าใจนะคะว่า เคสนี้ก็อาจจะมากไปนิด แต่รู้สึกว่า ถ้าคนที่ต้องการความใกล้หรือไกลไม่ใช่อุปสรรคเลยแม้แต่น้อย ไม่แน่ใจว่าเชื่อกันแบบนั้นป่าวนะคะ แต่หนิงเห็นหลายคนแล้วค่ะ บางครั้งก็ต้องแลกกันนะคะ ไม่มีอะไรที่เราจะได้ไปหมดทุกอย่างค่ะ
  6. ความคิด ตัวการสำคัญอีกอย่างที่เป็นอุปสรรคชัดเจนมาก ๆ ก็คิดเรื่องทั้งห้าข้อแรกนั่นแหละคะ คิดว่ายากคงฝึกไม่ได้ ถ้าไม่เริ่มจะรู้เหรอค่ะ อีกอย่างการฝึกโยคะไม่ได้แข่งขันกับใครแม้กระทั่งตัวเองแล้วเอาอะไรมาวัดว่าเก่งหรือไม่เก่ง เราวัดกันด้วยสุขภาพที่ดีขึ้นมากกว่านะคะ อีกเรื่องคือไม่เคยเรียนมาก่อนคงเข้าเรียนไม่ได้หรอกเพราะเขาสอนกันมานานแล้ว แย่ละถ้าทุกคนคิดแบบนี้สตูโยคะคงอยู่กันลำบาก เพราะจะไม่มีนักเรียนหน้าใหม่เข้ามาเลย และที่เขาเข้ามาเรียนเพราะยังไม่รู้ไงค่ะ ถ้ารู้มากแล้วไม่ต้องมาเรียนหรอกค่ะฝึกเองที่บ้านอาจจะดีกว่านะ คริคริ
  7. ขี้เกียจ นี่แหละตัวการสำคัญที่สุด แม้กระทั่งหนิงเองยังเอามันออกยากมาก ไม่รู้ไปโดยคุนไสยหรือยาสั่งมาจากไหน มันบังคับตัวเองไม่ได้จริง ๆ แค่อยากนอน อยากอยู่เฉย ๆ ไม่่อยากออกแรง แต่จะว่าอยากอยู่นิ่งก็ไม่ใช่นะ ก็แค่ “ขี้เกียจ” ก็เท่านั้น คนที่มีวินัยสูง ๆ หนิงก็ว่าเขาก็ยังเป็นกัน ใครมีข้อแนะนำสำหรับเการแก้ปัญหาเรื่องนี้รบกวนเม้นท์กันมาเลยนะคะ อยากได้มาก ๆ ค่ะ เพราะตัวเองก็แก้ไม่ตกเหมือนกันค่ะ

เป็นไงบ้างค่ะ 7 อุปสรรค เห็นแล้วคงไม่ทำให้ท้อนะคะ เพราะสำหรับหนิงแล้ว ข้อไหน ๆ ก็คงสู้ข้อ 6 กะ 7 มะได้จริง ๆ ว่าแล้วก้อ ต้อง “สู้ สู้” นะคะ เอาใจช่วยทุกคนนะคะ สรุปแล้ว “คิดจะฝึกโยคะ ต้องเดินเข้าคลาสนะคะ”