เหมือนจะบ้านนอกมากเลยไม่เคยเข้ากรุง จริง ๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหยียบเมืองกรุงนะคะ แต่เป็นครั้งแรกที่เข้าไปสอนโยคะในเมืองกรุงอ่ะค่ะ ข้ามแดนจริง ๆ ครั้งนี้

ต้องขอบคุณ “ครูจี๊ด” แห่ง บัลลัม โยคะ เลยค่ะ ที่หยิบยื่นโอกาสครั้งนี้มาให้ เพราะคูรจี๊ดเป็นคนโทรมาชวนหนิงไปร่วมทำ Workshop Yoga การกุศล นอกจากจะไปช่วยเผยแพร่ศาสตร์แห่งโยคะแล้ว ยังได้ร่วมทำบุญซื้อเสื้อเกราะให้กับทหาร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกต่างหาก

ยอมรับแบบไม่อายเลยว่า ครั้งแรกที่ทราบ รู้สึกกังวลในระดับนึงเลยทีเดียว ก็โทรไปปรึกษา และระบายกับเพื่อน ๆ โยคะด้วยกันหลายคน แต่ส่วนใหญ่มักจะตอบเหมือนกันว่า

หนิงทำได้อยู่แล้ว….

นี่ก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้ “กำลังใจ” ของหนิงเพิ่มขึ้น “ความมั่นใจ” เพิ่มขึ้น ที่กังวลเพราะเห็นครูที่สอนอยู่ที่บัลลัมแต่ละคนก็ล้วนเก่ง ๆ กันทั้งนั้น และเท่าที่รู้มาส่วนใหญ่คนกรุงเขาฝึกกันค่อนข้างหนักหน่วงซะด้วยอ่ะซี เราก็แค่เบบี้ ฝึกเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงไม่ได้โปรไรมากมาย จริง ๆ แล้วกลัวความคาดหวังของผู้เข้าร่วมมากกว่าค่ะ สุดท้ายก็คิดแค่ว่า เราจะพยายามเอาสิ่งที่เรารู้ถ่ายทอดออกมาให้เต็มที่กับเวลาที่มาคือ 2 ชั่วโมง ก็บอกไม่ถูกนะคะว่าจะน้อยหรือจะมากในเวลานั้น 555555

หลังจากนั้นหนิงก็ได้วางแผนการสอนว่า จะสอนเทคนิคบางอย่างที่เห็นคนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญ หรืออาจจะไม่ได้ดูในจุดนั้น เช่น การยืนตัวตรง ในท่าสมาถิตี การโน้มตัวในท่านั่ง และท่ายืน ซึ่งมันคือการโน้มตัวนี่แหละ แต่เมื่อฐานที่ตั้งต่างกัน จุดที่กำหนดก็ต้องเปลี่ยน ยกเว้นในส่วนของการควบคุมหลังที่ยังคงต้องกำหนดให้แขม่วงหน้าท้อง ยืดหลัง แอ่นอกอยู่เหมือนเดิม ที่บอกว่าฐานที่ตั้งต่างกันจุดกำหนดต่างก็คือ เวลาเราอยู่ในท่ายืน สิ่งที่สัมผัสพื้นจะมีเพียงฝ่าเท้าเท่านั้น ส่วนใหญ่เราจะรักษาสมดุลตัวเองด้วยการส่งก้นไปหลัง (โดยไม่รู้ตัว คิดว่าเรายังยืนตรงอยู่) ซึ่งจริง ๆ แล้วท่านี้ข้อต่อสะโพกและข้อเท้ายังต้องอยู่ในแนวตั้งฉากกับพื้น ดังนั้นการที่เราโน้มตัวไปหน้าแล้วไม่ให้ก้นส่งไปหลังมากนัก ก็แค่พยายามกดปลายนิ้วเท้าให้มากที่สุด ก็จะสามารถทำให้เราอยู่ในสมดุลนั้นได้แล้วค่ะ ส่วนการโน้มตัวในท่านั่งเนื่องจากฐานกว้างอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องไปกังวลมากกับฐาน แต่ให้ไปควบคุมกับหลัง และพยายามยืดขาให้ตรงโดยการยกกล้ามเนื้อต้นขาขึ้น ส่วนบริเวณปลายเท้าก็ให้ตั้งตรงแต่ผ่อนคลาย เหมือนจะง่ายตอนทำไม่ง่ายเลยค่ะ ขอบอก…

รูปภาพ

จากนั้นก็ให้ลองฝึก Ashtanga Yoga กันดู ทำเอาหลายคนที่ไม่ค่อยได้ฝึกแนววินยาสะหอบกันไปหลายคนเลย อิอิ ไม่ได้สะใจนะ ใจนึงก็เอ็นดู ก็อยากให้ลองได้สัมผัสอ่ะ มันแนวนี้นี่นา นี่ขนาดลดทั้งจำนวนท่าเพราะฝึกแค่ครึ่งเดียว และลดการวินยาสะลงแล้วนะ เพราะปกติเราฝึกกันขาข้างนึงวินยาสะครั้งนึง นี่ให้ทำสองข้างค่อยวินยาสะแล้วอ่ะ ถึงขั้นต้องขอออกจากห้องไปนั่งหายใจด้านนอกก็มีนะ เลยไปครั้งนี้หนิงได้รับฉายาว่า “ครูหนิงฮาและโหดไปเลย” ดีนะ ไม่ใช่ “ครูหนิงหฤโหด” 555555