Healthy Ning Yoga Phuket (โยคะครูหนิงภูเก็ต)

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีเรื่องที่ทำให้หนิงค่อนข้างอัศจรรย์ใจกับสิ่งที่ได้รับรู้มาเป็นอย่างมากค่ะ คือ มีคนมาเรียนโยคะกับหนิงแบบรายครั้ง แล้วหลังจบคลาสเรามีโอกาสได้คุยกัน เขาบอกว่าเขามาจากหัวหิน และจริง ๆ มีเพื่อนรุ่นน้องอีกคนที่อยากเจอ อยากมาฝึกโยคะกับหนิงมาก เพราะน้องเขาไม่สบาย และได้ติดตามบล็อคของหนิงอยู่ทำให้เขามีแรงบันดาลใจ มีแรงผลักดันในการฝึกโยคะ และตอนนี้อาการน้องเขาดีขึ้นมาก ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็ได้ฝึกโยคะอยู่ เลยอยากเดินทางมาหาหนิงและมาฝึกกับหนิง ฟังครั้งแรกรู้สึกประหลาดใจมาก ว่าการระบายความรู้สึกของเราด้วยตัวอักษรบนโลกออนไลน์นี้ มันจะมีผลทำให้ใครบางคนมีแรงผลักดันได้ขนาดนั้น มันยิ่งใหญ่มากนะคะ

น่าจะประมาณวันเดียวหลังจากนั้น  หนิงก็ได้มีโอกาสได้คุยกับตัวจริงของน้องเขา เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัวหนิงขอไม่กล่าวถึงอาการป่วยของน้องเขานะคะ ไม่น่าเชื่อว่า แค่การคุยกันในครั้งแรก เราพูดคุยกันเกือบชั่วโมงจากคนที่ไม่รู้จัก ไม่เคยคุยกัน เป็นความรู้สึกที่ดีมากสำหรับหนิง บอกเลยว่าตอนที่คุยอยากร้องไห้มาก มันเป็นอารมณ์ที่ไม่สามารถบรรยาย อธิบายอะไรใด ๆ ได้เลยค่ะ แต่หลังจากวางสาย ต่อมน้ำตาแตกอ่ะ 555555

แต่ในที่สุด ความฝันของเราทั้งสองคนที่จะได้เจอกันก็เป็นจริง ครั้งแรกที่เจอเรากอดกันแน่น หนิงไม่รู้หรอกนะคะว่าน้ำตาเขาออกหรือเปล่า แต่ของหนิงนี่นองเลยค่ะ อิอิ ตลอดเวลาที่เราได้เจอกัน ถึงแม้จะมีเวลาเพียงไม่กี่วัน เรากอดกันเกือบทุกวัน มันเป็นความรู้สึกอบอุ่น รู้สึกดี รู้สึกบอกไม่ถูก ซะงั้น

สิ่งที่หนิงถูกย้ำคือ น้องเขาบอกว่า มีอยู่บางช่วงที่หนิงเงียบหายไป เขาอยากโทรมาถามเหลือเกิน ว่าทำไมไม่เขียน ณ เวลานั้น คำพูดของสามีผุดขึ้นมาในหัวทันที เพราะคุณสามีเคยเตือนหนิงไว้ว่า

หนิงถ้าหนิงเขียนบล็อคและเริ่มมีคนติดตามแล้วสิ่งหนึ่งที่เราต้องทำคือ ความมีวินัย มีความรับผิดชอบกับแฟนคลับ (อิอิ แอบใช้คำนี้เพราะรู้สึกดีอ่ะนะ เหมือนเป็นดังไงมะรุ 55555)

แต่บางครั้งก็ยอมรับตัวเองนะคะว่ามันไม่มีอารมณ์ และเรื่องที่อยากเขียนมันสุ่มเสี่ยงกับการกระทบต่อคนอื่น ทำให้ต้องยั้งคิดยั้งทำมาก คิดเยอะขึ้นจริง ๆ ค่ะ เพราะเราเริ่มเปลี่ยนสถานะตัวเองจากผู้เรียน ซึ่งปกติครูผู้สอนก็เป็นต่างชาติ อ่านภาษาไทยไม่ได้ สิ่งที่เราระบายออกก็ไม่มีผลกระทบใด ๆ คริคริ พอตอนนี้เราเป็นครูจะเขียนถึงผู้เรียน ผู้ฝึก คงไม่เหมาะสม เพราะแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน เราไม่สามารถปรับความคิดใครได้ แค่ตัวเราเองยังเอาตัวลำบากเลยจริงไม๊ค่ะ

แรงผลักดันจากเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้น จนน่าจะเป็นตัวบังคับให้หนิงสานฝันอีกหนึ่งอย่าง ตอนนี้ขออุบไว้ก่อนนะคะ เพราะกลัวว่าถ้าบอกไปแล้วเราทำไม่สำเร็จ หรือมีคนรู้แล้วรอคอย มันจะทำให้ความรู้สึกหนิงแย่ แต่ค่อนข้างมั่นใจนะคะว่าจะทำให้ได้ และทำให้สำเร็จ เพราะเพิ่งได้คุยกับเพื่อนอีกคนว่าสิ่งที่ฝัน เขาบอกว่า

หนิง ทุกคนมีฝันนะ จะมีกี่คนที่จะสามารถทำฝันของตัวเองให้เป็นจริงได้ คำว่า “ฝัน” ไม่ใช่สิ่งที่จะบอกว่ามันประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่เราได้ทำมันแล้วต่างหาก

ฟังแล้ว ยิ่งมั่นใจที่จะก้าวต่อไป อิอิ ผลักกันไปให้สุด ๆ แหะแหะ