กว่าจะผ่านไปแต่ละวันในช่วงนี้รู้สึกว่ามันยาวนานจริง ๆ ค่ะ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นเหตุนั่นแหละค่ะ ได้แต่เร่งวันเร่งคืนให้ถึงวันที่ 19 เร็ว ๆ แต่ก็คงถึงเท่าคนอื่นนั่นแหละ อิอิ
สามวันที่ผ่านมา โดยเฉพาะวันแรกของการกลับมาใช้ชีวิตหลังใสตัวอ่อน รู้สึกว่าเราต้องทะนุถนอมทุก ๆ วินาทีจริง ๆ ค่ะ ต้องคิดอยู่ตลอดเวลา ทุกท่วงท่า ทุกอิริยาบถ ว่าตอนนี้เราต้องมีสตินะ ต้องไม่รีบร้อนนะ ทุกอย่าง จนมีแต่คนถามหนิงว่า หนิงเจ็บเท้าเหรอ เพราะเวลาเดินหนิงจะเดินเบา ๆ ค่อย ๆ เดิน หรือกับย่องตอดอะไรประมาณนั้นอ่ะค่ะ มันก็คงดูตลกพิลึกเหมือนกันนะคะ เพราะปกติหนิงจะเป็นคนที่เดินค่อนข้างเร็วพอสมควร เพื่อน ๆ เดินตามไม่ค่อยจะทัน แต่มาวันนี้ เพื่อนไปไกลแล้วเรายังเดินได้ไม่ถึงไหนเลย แต่เพื่อสิ่งที่เรารอคอย เราต้องทำได้ แม้กระทั่งต้องงดชา – กาแฟ ซึ่งปกติ หนิงจะดื่มชาเย็นมื้อเช้า มื้อกลางวันก็เป็นกาแฟเย็นสักแก้ว เกือบทุกวัน แต่ตอนนี้งดหมด ทำตามคำแนะนำของคุณหมออ่ะค่ะ
- วันแรก หนิงเดินเยอะจริง ๆ ค่ะ เพราะต้องไปเปิดสมุดบัญชีของบริษัทฯ กับหุ้นส่วนอีกคน และต้องไปเปิดที่ Central เลยเดินไกลหน่อย อีกทั้งเป็นช่วงพักกลางวันอีก พี่เขาเลยชวนทานข้าวที่ S&P เลย ซึ่งอยู่ที่ชั้น 3 ส่วน bank อยู่ชั้น 2 มาถึงห้างก็ต้องเดินขึ้นชั้น 3 ก่อนเพื่อไปสั่งอาหาร สั่งเสร็จต้องเดินลงมาชั้น 2 รออยู่พักใหญ่เพราะเอกสารที่น้องเขาเตรียมมาให้ไม่เรียบร้อย ต้อง fax มาเพิ่ม เลยตัดสินใจขึ้นไปทานข้าวก่อน ต้องขึ้นไปชั้น 3 อีก ทานเสร็จก็เดินมาชั้น 2 เซ็นต์เรียบร้อยก็ไปขึ้นรถกลับ แล้วมาเดินต่อในบริษัทฯ อีก หนักเอาการเหมือนกัน คนที่ไม่เจอกับตัวไม่รู้จริง ๆ นะคะ เพราะบางคนเขาให้นั่ง – นอน อยู่กับที่ แต่ขณะที่เรามาเดินในสายตาคนอื่นอาจจะมองว่าไม่เยอะ แต่สำหรับคนที่เพิ่งไปทำเด็กหลอดแก้วมา มีแต่คนเตือนหนิงทั้งนั้นเลย เพราะพี่ ๆ ที่เขามีประสบการณ์มาแล้ว 3 คน เขาก็ไม่ติดมาแล้ว เขาเลยบอกให้หนิงลดการเดินลงเพราะมันมีผลมากจริง ๆ ฟังแล้วค่อนข้างบั่นทอนจิตใจพอสมควร เพราะเราคิดว่าเราพยายามแล้ว และถ้าไม่ติดจริงหนิงก็คงจะเสียใจมาก มันเหมือนกันเรายังประมาทอยู่เลย แต่จะให้หนิงหยุดงานในช่วงนี้หนิงทำไม่ได้จริง ๆ ค่ะ เพราะหนิงหยุดไปพอสมควรแล้วก่อนหน้านี้ สงสารน้อง ๆ ในแผนกค่ะ สุดท้ายวันนี้หนิงรู้สึกปวดหน่วง ๆ ที่ท้อง เลยตัดสินใจโทรไปถามพยาบาลว่าเราจะเป็นอย่างไรบ้าง รู้ทั้งรู้ว่าเขาก็คงตอบไม่ได้หรอกค่ะว่า ตัวอ่อนยังอยู่หรือไม่ หรือจะเป็นอย่างไร แต่เพื่อความสบายใจ สุดท้ายพยาบาลบอกให้ทานยา แต่หนิงไม่อยากทานคิดว่าเราไม่ได้ปวดมากขนาดที่ต้องพึ่งยาหรอก ก็เลยรีบกลับบ้าน เดินเบา ๆ แล้วก็พักผ่อน จบไปหนึ่งวัน
- วันรุ่งขึ้น ตั้งใจว่าจะเดินให้น้อยลง ก็คิดว่าน้อยลงจริง ๆ แหละค่ะ แต่ก็ต้องเดินหลายรอบอยู่ เพราะต้องไปเข้าห้องน้ำ เนื่องจากที่บริษัทฯ ห้องทำงานหนิงกับห้องน้ำอยู่ไกลกันนิดนึง และต้องดื่มน้ำเยอะมากต่อวัน ทำให้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้นอีก แต่หนิงไม่สามารถงดการใช้คอมพิวเตอร์ กับเจออากาศร้อนได้ เพราะวันนี้ตอนเที่ยง น้อยชายของสามีและเพื่อนที่ทำงาน ซึ่งปกติพวกเราจะไปทานอาหารกลางวันด้วยกันบ่อย ๆ แต่วันนี้เราอาจจะเลือกร้านผิดไปหน่อย เพราะจริง ๆ เขาไม่ให้หนิงอยู่ในที่อากาศร้อน ลืมนึกไปว่าร้านที่เลือกไม่มีแอร์ โอ้โห หนิงงี้บอกไม่ถูกเลย ร้อนมาก เป็นกังวลที่พยาบาลเตือนไว้ว่า “ตัวอ่อนไม่ชอบร้อนนะคะ คุณแม่ต้องพยาบาลเลี่ยงแดด ห้ามเดินตากแดดเด็ดขาด” แต่คงทำไม่ได้ขนาดนั้นหรอกนะคะ ก็กว่าจะเดินไปถึงรถ มันก็ไม่ได้มีที่ร่มให้เดินสักเท่าไหร่ เพราะงั้นต้องตากแดดบ้างอยู่แล้ว แต่พยายามให้น้อยที่สุด แต่ความร้อนนี่ซิ ทำเอากลับไปคิดมากอีกว่า ตัวอ่อนยังปลอดภัยที่ไห๊มหนอ แต่ได้บอกว่าลูกเราต้องแข็งแรงซิ ก็แม่แข็งแรงออกขนาดนี้ อิอิ
- วันที่สามก็ไม่ค่อยจะแตกต่างจากวันที่สองมากนัก เพียงแต่มีเครียดบ้าง ซึ่งก็พยายามไม่ให้เครียดแหละค่ะ แต่งานบางครั้งมันก็ห้ามยากนะคะ
สรุปรวมแล้ว หนิงเองก็ยังคงคิดอยู่ในใจว่า ปกติหนิงเป็นคนที่แข็งแรง และค่อนข้างกระฉับกระเฉงพอควร ดังนั้นสิ่งที่หนิงกำลังปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้ ก็เป็นแนวทางในการดูแลรักษาตัวอ่อนเป็นอย่างดีแล้ว เพราะคุณหมอบอกให้ลด Activity ทุกอย่างลง 50% หนิงว่าหนิงทำได้มากกว่านั้นด้วยซ้ำค่ะ ความเร็วลดลงมาเหลือสัก 30-40% ได้มั่งค่ะ ส่วนระยะทางก็ลดลงไปเยอะค่ะถ้าเทียบกับแต่ละวันที่หนิงเดิน ส่วนกิจกรรมอื่น ๆ หนิงงดหมดเลย ยกเว้น นอนดูโทรทัศน์ และอ่านหนังสือค่ะ
หวัดดีครับครูหนิง,
ผมว่าสิ่งนึงที่ครูหนิงต้องพยามยามมีให้ได้ก็คือ ความรู้สึกในจิตใจครับ
ลดความเครียด ความกังวลให้น้อยมากมากครับ สิ่งเหล่านี้มีผลกับร่างกายเราด้วยนา….
ืทำใจสบายสบายครับ เจออะไรที่เป็นปัญหาก็อย่าใส่ใจให้มากจนเครียดหรือไม่สบายใจไป
…
โชคดีนะครับ : )
ปล….เสร็จสิ้นภารกิจ 2 วันกับการฝึก ashtanga yoga แล้วครับ สุดยอดมากเลยครับ ไว้ผมค่อยเล่าให้ครูหนิงทีหลังละกัน
จะพยายามนะคะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำ
เมื่อก่อนตอนที่หนิงพยายามบอกกับคนอื่น ๆ ว่าอย่าไปเครียดเลย อย่าไปคิดมาก ทำใจให้สบาย ๆ ดีกว่า ตอนที่เราบอกให้คนอื่นทำมันดูเหมือนง่ายจริง ๆ นะคะ แต่พอมาครั้งนี้ หนิงว่าหนิงอาจจะตั้งใจมากเกินไปค่ะ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองทำได้ยากจังค่ะ
อุ๊ย! ได้พบกับครูอุ้มแล้วซิค่ะ อยากฝึกบ้างจัง ไว้รอผลก่อน อิอิ
🙂 ธรรมดาแหละครับ…เรื่องหลายเรื่องเจอกะตัวเองก็ทำได้ยากกว่าการบอกคนอื่น
(นั่นสิเนอะเราถึงต้องมีใครอีกหลายคนสำหรับตักเตือนให้สติกัน)
ตั้งใจน้อยไปก็ไม่ดี ตั้งใจมากไปก็พาลจะเคร่งเครียดไปอีก ….สบายสบายนะครับ
…
ครูอุ้มน่ารักมากเลยครับ ส่วนตัวผม…รู้สึกว่าไม่เคร่งอย่างที่พี่พี่ร่ำลือกันอะครับ :p
วันสองวันนี้คงต้องจัดการรูปจากกล้อง ไว้จะส่งให้ครูหนิงดูด้วยครับ
ดีค่ะ หนิงจะรอดูนะคะ
ครูอุ้มน่ารักค่ะ เป็นต้นแบบของผู้ที่ต้องการเดินสายโยคะได้ดีเลยล่ะ เพราะครูอุ้มมีวินัยในตัวเองสูงมากค่ะ ของหนิงยังต้องเพิ่มอีกเยอะเลย อิอิ